นิทรรศการ “มายา” เป็นการนำเสนอเรื่องราว ประสบการณ์ และสัมพันธภาพของผู้คนในโลกยุคปัจจุบัน โดยถ่ายทอดเนื้อหาเกี่ยวกับมนุษย์ในโลกออนไลน์กับมนุษย์ในโลกแห่งความเป็นจริง ผ่านอุปกรณ์เครื่องมืออันทันสมัย อาทิ โทรศัพท์มือถือ แท็บเล็ต โทรทัศน์ คอมพิวเตอร์ อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ทุกอย่างที่มนุษย์สร้างขึ้นกลายเป็นหน้าต่างบานใหม่ที่ได้นำมนุษย์ออกมาสู่โลกภายนอกอันกว้างใหญ่ได้อย่างง่ายดาย แม้ว่าโลกไซเบอร์เหล่านี้จะเป็นเพียงแค่จุดเล็ก ๆ ที่รวมกันเป็นภาพบนหน้าจอ (pixel)
แต่ทุกอย่างล้วนเป็นภาพสะท้อนของความเป็นจริง และตีแผ่ให้เห็นถึงจิตใต้สำนึกของมนุษย์ทั้งสิ้น
​แทน เป็นหนึ่งในหลาย ๆ ชีวิตที่ได้รับอิทธิพลมากมายจากโลกไซเบอร์ อาจเป็นเพราะตอนเด็ก ๆ แทนต้องย้ายที่เรียนไปหลายแห่งตามพ่อ โลกไซเบอร์จึงนำแทนให้ไปพบและรู้จักกับเพื่อน ๆ จากหลากหลายมุมโลก บางคนได้รู้จัก ติดต่อ และเรียนรู้ซึ่งกันและกันมากว่า 10 ปี เดินทางข้ามโลกมาเพื่อพบเจอกันจริง ๆ จนกลายเป็นเพื่อนที่ดีต่อกันในชีวิตจนถึงปัจจุบัน​  หลายคนอาจมองว่านี่คือการใช้ชีวิตที่แปลก แต่สำหรับแทนมันคือประสบการณ์ที่น้อยคนนักจะได้เข้าถึงและเข้าใจ บางทีนี่คงเป็นสาเหตุที่คนเหล่านี้ใช้เวลาไปกับมายาในโลกออนไลน์มากกว่าโลกแห่งความเป็นจริง
​งานศิลปะจัดวางของแทนได้นำคลิปวีดีโอจากเพื่อนในโลกออนไลน์ทั่วทุกมุมโลก มานำเสนอในรูปแบบของงานศิลปะสมัยใหม่ ด้วยความตั้งใจที่อยากให้ผู้คนซึ่งเข้ามาชมผลงานในนิทรรศการจากโลกแห่งความเป็นจริง ได้สัมผัสกับมิติชีวิตอันหลากหลายของผู้คนมากมายผ่านบานหน้าต่างแบบดิจิทัล
แทนได้คลิปวีดีโอจำนวน 600 คลิปนี้มาจากเพื่อนทั่วโลกของแทน บนกระดานข่าวและพื้นที่กึ่งสาธารณะในโลกออนไลน์ คลิปวีดีโอทั้ง 600 ชิ้นนี้จะนำเสนอภาพเคลื่อนไหวผ่านแท็บเล็ต 60 เครื่อง นอกจากนั้นยังมีงานวาดเส้นและงานจิตรกรรมของแทน ซึ่งจะจัดแสดงร่วมกันภายใต้แนวความคิดอันเป็นชื่อของนิทรรศการ มายา
​Maya tells stories, experiences, and relationships between people online and those living in the real world. Innovative mediums such as smartphones, tablets, televisions, computers and electronic devices have become the windows that lead humans to explore the whole world more easily. Although they are composed of only tiny little pixels, these tools help reflect the truth, while at the same time revealing the subconscious of all human beings.
​I am one of those people who have had a considerable amount of influence from the cyber realm. Transferring schools quite often because of my father’s job could also be the reason why I am so close to the virtual world as it introduced me to new friends across the globe. Some of them have kept in touch with me for more than 10 years. We even traveled to the other side of the world just to see each other and become friends for life until now.

​Many people may think that this is a strange lifestyle. However, for me, it is an experience only a specific group of people can truly understand. That probably explains why they invest so much of their time online more than the real world.
My installation art incorporates video clips from my friends presenting in forms of modern art. The installation work intends for the audiences who visit the show to immerse themselves in a variety of lifestyles from people around the world through these digital windows.
I have collected 600 clips from my friends whom I met on web board and online semi-public space. The videos will be played on 60 tablets together with drawings and paintings that share the same concept of “Maya”.

เนสกาแฟจัดใหญ่ฉลองวันกาแฟสากล ส่งต่อกาแฟเชื่อมทุกความผูกพันกับฮีโร่ ที่ทำงานข้ามคืนเพื่อคุณภาพชีวิตที่ดีของคนในสังคม พร้อมส่งชุดกาแฟให้แก่ตำรวจตระเวนชายแดนทั่วประเทศ ชู “มิดไนท์ คอฟฟี่” แจกกาแฟเที่ยงคืน เติมความสุขให้ฮีโร่ 5 จังหวัด 100,000 แก้ว
นายวิคเตอร์ เซียห์ (กลาง) ประธานกรรมการและประธานคณะผู้บริหาร เนสท์เล่ อินโดไชน่า เปิดงาน “เนสกาแฟ เดย์” ปีที่ 2 อย่างยิ่งใหญด้านหน้าแก้วเนสกาแฟยักษ์ที่ทำจากแก้วเนสกาแฟหลายใบพันที่มีข้อความให้กำลังใจจากคอกาแฟทั่วกรุงเทพฯ สะท้อนถึงแบรนด์เนสกาแฟในการเป็นสื่อกลางเชื่อมทุกความผูกพัน เพื่อเฉลิมฉลองวันกาแฟสากล พร้อมส่งชุดกาแฟให้แก่ตำรวจตระเวนชายแดน ฮีโร่ผู้เสียสละทั่วประเทศ และจัดกิจกรรม “มิดไนท์ คอฟฟี่” แจกกาแฟเที่ยงคืนเติมความสุขให้ฮีโร่ที่ทำประโยชน์เพื่อสังคมใน 5 จังหวัด 100,000 แก้ว โดยมี นายโจโจ้ เดลา ครูซ (ที่ 3 จากขวา) ผู้อำนวยการบริหารธุรกิจผลิตภัณฑ์กาแฟและครีมเทียม บริษัท เนสท์เล่ (ไทย) จำกัด นางสาวนาริฐา วิบูลยเสข (ที่ 2 จากซ้าย) ผู้จัดการธุรกิจกาแฟปรุงสำเร็จ บริษัท เนสท์เล่ (ไทย) จำกัด นายศุภวัฒน์ คามีเยาน์ (ที่ 2 จากขวา) ผู้จัดการฝ่ายพัฒนากลุ่มธุรกิจกาแฟ บริษัท เนสท์เล่ (ไทย) จำกัด พ.ต.อ. วรพัฒน์ บุญมา (ที่ 3 จากซ้าย) รองผู้บังคับการอำนวยการ กองบัญชาการตำรวจตระเวนชายแดน พร้อมด้วย นายจิรายุ ตั้งศรีสุข (ซ้ายสุด) แบรนด์แอมบาสเดอร์เนสกาแฟ เบลนด์ แอนด์ บรู และ นายธนภพ ลีรัตนขจร (ขวาสุด) แบรนด์แอมบาสเดอร์เนสกาแฟ อเมริกาโน่ ร่วมงานซึ่งจัดขึ้นที่สยาม สแควร์ วัน

กรุงเทพฯ – 2 ตุลาคม 2562 – เมื่อความมืดของยามค่ำคืนมาเยือน นับเป็นเวลาแห่งการพักผ่อนและนอนหลับของหลายๆ คน แต่มีฮีโร่กลุ่มหนึ่งที่เสียสละทุ่มเททำงานหนักทั้งกลางวันและกลางคืน เพื่อให้เราได้มีชีวิตที่สุขสบายและปลอดภัย ตำรวจตระเวนชายแดนถือเป็นฮีโร่เหล่านั้นที่ทำหน้าที่ปกป้องชายแดนของประเทศไทย และช่วยเหลือชาวบ้านที่อาศัยอยู่ใกล้แนวชายแดน ในขณะเดียวกัน ก็ยังมีเหล่าฮีโร่ผู้ทำหน้าที่ดูแลให้บ้านเมืองของเราสะอาดและปลอดภัย สร้างคุณภาพชีวิตที่ดีให้กับสังคม เนื่องในโอกาสวันกาแฟสากล 1 ตุลาคมของทุกปี เนสกาแฟ ในฐานะแบรนด์กาแฟอันดับหนึ่งในประเทศไทยที่อยู่คู่สังคมมานานกว่า 46 ปี จึงได้จัดงาน “เนสกาแฟ เดย์” ปีที่ 2 ขึ้นอย่างยิ่งใหญ่ในปีนี้ เพื่อยกย่องเชิดชูฮีโร่ผู้เสียสละขวัญใจคนไทย และตอกย้ำจุดยืนของแบรนด์เนสกาแฟในการเป็นสื่อกลางเชื่อมทุกความผูกพันของคนไทย
แคมเปญเนสกาแฟ เดย์สร้างมิติใหม่ในการฉลองวันกาแฟสากล ประเดิมเดินสายจัดกิจกรรม “มิดไนท์ คอฟฟี่” เป็นครั้งแรก ตั้งแต่ช่วงเที่ยงคืนของวันที่ 30 กันยายนจนถึงช่วงเช้าของวันที่ 1 ตุลาคม โดยยกขบวนส่งความสุขผ่านการมอบกาแฟจากใจสู่ใจ 100,000 แก้วให้กับเหล่าฮีโร่ที่เป็นบุคคลตัวอย่างที่ทำงานหนักทั้งกลางวันและกลางคืนในกรุงเทพฯ อาทิ คนกวาดถนนและคนเก็บขยะ เจ้าหน้าที่ดับเพลิง เจ้าหน้าที่อาสาสมัครกู้ภัย และตำรวจที่ด่านตรวจแอลกอฮอล์ นอกจากนี้ ยังมีการแจกเนสกาแฟให้กับเหล่าฮีโร่ในจังหวัดเชียงใหม่ นครราชสีมา สุราษฎร์ธานี และหาดใหญ่อีกด้วย
นายวิคเตอร์ เซียห์ ประธานกรรมการและประธานคณะผู้บริหาร เนสท์เล่ อินโดไชน่า เปิดเผยว่า “เราประสบความสำเร็จเป็นอย่างมากจากการจัดงานเนสกาแฟ เดย์เป็นครั้งแรกเมื่อปีที่ผ่านมา โดยการแจกเนสกาแฟมอบความสุขกว่า 1 ล้านแก้วให้กับผู้บริโภคทั้งในไทย กัมพูชา ลาว และเมียนมา  สำหรับในปีนี้ เราได้จัดเนสกาแฟ เดย์ ขึ้นเป็นปีที่ 2 เพื่อให้คอกาแฟทั่วประเทศได้มีส่วนร่วมแบ่งปันความสุขในการดื่มกาแฟไปยังเหล่าฮีโร่ซึ่งประกอบอาชีพที่เสียสละ และทำความดีให้กับสังคมส่วนรวม เพื่อเฉลิมฉลองวันกาแฟสากล แคมเปญนี้ยังสะท้อนถึงความมุ่งมั่นของแบรนด์เนสกาแฟในการนำเสนอกาแฟคุณภาพที่มีกลิ่นหอมกรุ่นและรสชาติกลมกล่อมอร่อยลงตัว เป็นสื่อกลางในการเชื่อมทุกความผูกพันกับคนไทยและเหล่าฮีโร่อย่างต่อเนื่อง”
นางสาวนาริฐา วิบูลยเสข ผู้จัดการธุรกิจกาแฟปรุงสำเร็จ บริษัท เนสท์เล่ (ไทย) จำกัด กล่าวว่า “เนสกาแฟรู้ดีว่า เบื้องหลังความสุขของผู้คนในสังคมเมือง ยังมีคนดี ยังมีฮีโร่อีกมากมายที่อุทิศตนทำหน้าที่เพื่อสร้างคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นให้กับชุมชน บ่อยครั้งที่เราอาจไม่เห็นหรือไม่ได้นึกถึงฮีโร่ที่ทำงานในยามค่ำคืน จึงเป็นที่มาของการส่งต่อความห่วงใยให้กับบุคคลที่เป็นตัวอย่างของสังคมเหล่านี้ โดยมีเนสกาแฟเป็นสื่อกลางเชื่อมทุกความผูกพันระหว่างคนไทยและเหล่าฮีโร่ เพื่อให้เขาได้มีความสุขกับการดื่มกาแฟแก้วโปรดร่วมกับคอกาแฟคนอื่นๆ ในวันพิเศษนี้ ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหนก็ตาม”
เนสกาแฟนับเป็นกาแฟแบรนด์แรกที่เชื่อมทุกความผูกพันกับตำรวจตระเวนชายแดน ฮีโร่ผู้ทำหน้าที่ปกป้องชายแดนของประเทศในยามกลางวันและกลางคืน พร้อมทั้งให้ความช่วยเหลือ เป็นทุกอย่างให้กับผู้คนในแนวชายแดน ไม่ว่าจะทำหน้าที่ครูสอนหนังสือ หรือพยาบาลช่วยรักษายามเจ็บป่วย เนสกาแฟได้จัดทำชุดกาแฟเชื่อมทุกความผูกพันอย่างตั้งใจ เพื่อมอบให้กับตำรวจตระเวนชายแดนทั่วประเทศ โดยในชุดกาแฟแต่ละชุด ประกอบด้วยแก้วเนสกาแฟสีแดงที่มีข้อความให้กำลังใจจากคนไทยกว่า 8,000 คนที่ร่วมกันเขียนส่งความห่วงใยให้ตำรวจตระเวนชายแดนในกิจกรรมโรดโชว์ 7 แห่งในกรุงเทพฯ ในช่วงสองสัปดาห์สุดท้ายของเดือนกันยายนที่ผ่านมา ชุดกาแฟเชื่อมทุกความผูกพัน ประกอบด้วยผลิตภัณฑ์เนสกาแฟที่ผู้คนชื่นชอบสำหรับดื่ม 1 ปี ได้แก่ เนสกาแฟ เบลนด์ แอนด์ บรู เนสกาแฟ เรดคัพ เนสกาแฟ อเมริกาโน่  เนสกาแฟกระป๋องพร้อมดื่ม และเนสกาแฟ โกลด์ ทั้งนี้ เนสกาแฟยังได้จับมือกับลาซาด้าในการส่งมอบชุดกาแฟเชื่อมทุกความผูกพันไปยังตำรวจตระเวนชายแดนทั่วประเทศด้วย

พ.ต.ท. สุธีระ สุดแสวง ครู (สบ2) กก. ตชด. 13 ทำหน้าที่ครูใหญ่ รร. ตชด. บ้านปิล็อกคี่ อ.ทองผาภูมิ จ.กาญจนบุรี กล่าวว่า “การเป็นตำรวจตระเวนชายแดน หมายถึงการที่ต้องจากบ้านจากครอบครัว มาทำหน้าที่ในพื้นที่ห่างไกลและยากลำบาก นอกจากหน้าที่หลักแล้ว เรายังเป็นครู เป็นหมอ เป็นคนขับรถ ขับเรือสำหรับชุมชนที่อยู่ห่างไกลทั้งในกลางวันและกลางคืน เป็นงานที่เหนื่อยแต่เราก็อดทน เราภูมิใจที่ได้ทำหน้าที่ปกป้องประเทศและดูแลชาวบ้านให้ดีที่สุดเท่าที่จะทำได้ ในนามของตำรวจตระเวนชายแดนทั่วประเทศ ผมขอขอบคุณคนไทยทุกคนที่ได้มีส่วนร่วมเขียนข้อความส่งกำลังใจมาให้กับพวกเรา และที่สำคัญที่สุดคือ ขอขอบคุณเนสกาแฟที่เล็งเห็นความสำคัญของตำรวจตระเวนชายแดนและเปิดโอกาสให้เราได้ร่วมฉลองวันกาแฟสากลอย่างมีความสุขร่วมกับทุกๆ คน"

สำหรับตำรวจตระเวนชายแดนแล้ว การได้ดื่มกาแฟร้อนๆ สักแก้วก่อนเริ่มปฏิบัติหน้าที่ประจำวันถือเป็นความสุขง่ายๆ ที่ช่วยเตรียมความพร้อมในการเริ่มต้นวันใหม่ เนสกาแฟได้ถ่ายทอดเรื่องราวของฮีโร่เหล่านี้ผ่านวิดีโอความยาว 3 นาทีเรื่อง “ความผูกพันที่ไม่มีเงื่อนไข” ซึ่งได้เผยแพร่ในช่องทางโซเชียลมีเดียตั้งแต่ช่วงกลางเดือนกันยายนที่ผ่านมา บอกเล่าเรื่องราวชีวิตความเป็นอยู่ของตำรวจตระเวนชายแดน เพื่อสร้างแรงบันดาลใจให้คอกาแฟได้ร่วมแบ่งปันความสุขในวันเนสกาแฟ เดย์

สำหรับงานเนสกาแฟ เดย์ในวันที่ 1 ตุลาคมวันนี้ เป็นกิจกรรมโรดโชว์วันสุดท้ายของแคมเปญที่สยามสแควร์วัน อัดแน่นด้วยกิจกรรมเชิญชวนคอกาแฟมาร่วมดื่มเนสกาแฟกับเหล่าซูเปอร์สตาร์ และร่วมเป็นสักขีพยานในการเขียนข้อความลงบนแก้วเนสกาแฟใบสุดท้ายจากผู้บริหารของเนสท์เล่ ซึ่งอยู่ในชุดกาแฟเชื่อมทุกความผูกพัน เพื่อส่งต่อให้กับตำรวจตระเวนชายแดน ในงานนี้ จิรายุ (เจมส์) ตั้งศรีสุข แบรนด์แอมบาสเดอร์เนสกาแฟ เบลนด์ แอนด์ บรู บอกว่า “ผมเกิดและเติบโตมากับครอบครัวที่ชื่นชอบการดื่มเนสกาแฟครับ ตั้งแต่เด็กก็จะเห็นคุณพ่อคุณแม่ดื่มกาแฟและพูดคุยสนทนากันในตอนเช้า พอโตขึ้นมาก็ทำงานในกองถ่ายละคร ถ้ามีเวลาพัก ผมก็จะดื่มเนสกาแฟเป็นแก้วโปรดร่วมกับนักแสดงคนอื่นๆ เนสกาแฟเป็นสื่อกลางที่ทำให้ทุกคนได้เชื่อมความผูกพันกัน ในฐานะที่ผมเป็นนักแสดงที่อยู่เบื้องหน้า ก็อยากเชิญชวนให้ทุกคนนึกถึงคนที่อยู่เบื้องหลังที่ทำให้คนไทยมีความสุข ผมดีใจที่ได้เป็นส่วนหนึ่งของแคมเปญนี้ เพื่อส่งต่อความห่วงใยไปให้กับพี่ๆ ฮีโร่ทุกคนครับ”
ธนภพ (ต่อ) ลีรัตนขจร แบรนด์แอมบาสเดอร์เนสกาแฟ อเมริกาโน่ บอกว่า “ดีใจมากครับที่ได้เห็นแคมเปญดีๆ ที่ส่งต่อความสุขด้วยการแจกกาแฟเที่ยงคืนให้กับพี่ๆ ฮีโร่ ทั้ง 5 จังหวัด และน่าปลื้มใจที่ได้เห็นพลังใจของคอกาแฟไทยร่วมกันเขียนข้อความดีๆ ผ่านแก้วเนสกาแฟสีแดงเพื่อให้กำลังใจพี่ๆ ตำรวจตระเวนชายแดนในวันกาแฟสากลครับ ผมเชื่อว่า ทุกครั้งที่เรายกแก้วเนสกาแฟขึ้นมาดื่ม จะทำให้เรานึกถึงแคมเปญดีๆ ในวันนี้ ที่มีแก้วเนสกาแฟเป็นสัญลักษณ์ของการเชื่อมทุกความผูกพันของคนไทยที่แม้จะไม่รู้จักกัน แต่เราก็แบ่งปันความสุขให้กันและกันได้ด้วยกาแฟแก้วนี้ครับ”
นอกจากกิจกรรมทั้งหลายข้างต้น ในแคมเปญเนสกาแฟ เดย์ ยังได้มีการจำหน่ายเมนูเครื่องดื่มพิเศษ “แคริ่ง คาปูชิโน่” ซึ่งมีจำหน่ายเฉพาะที่เนสกาแฟ ฮับ 3 สาขา เพื่อหารายได้โดยไม่หักค่าใช้จ่ายสมทบทุนโครงการ “จูเนียร์ คอฟฟี่ ฟาร์มเมอร์” เพื่อมอบให้แก่บุตรหลานของเกษตรกรชาวสวนกาแฟ เพื่อส่งเสริมแนวคิด “ปลูกด้วยใจ กาแฟไทยยั่งยืนกับเนสกาแฟ” (Grown Respectfully) อีกด้วย

นายวิคเตอร์ เซียห์ (กลาง) ประธานกรรมการและประธานคณะผู้บริหาร เนสท์เล่ อินโดไชน่า เปิดงาน “เนสกาแฟ เดย์” ปีที่ 2 อย่างยิ่งใหญ่ โดยมีเนสกาแฟเป็นสื่อกลางเชื่อมทุกความผูกพันฉลองวันกาแฟสากล พร้อมส่งชุดกาแฟให้แก่ตำรวจตระเวนชายแดน ฮีโร่ผู้เสียสละทั่วประเทศ และจัดกิจกรรม “มิดไนท์ คอฟฟี่” แจกกาแฟเที่ยงคืนเติมความสุขให้ฮีโร่ที่ทำประโยชน์เพื่อสังคม ใน 5 จังหวัด 100,000 แก้ว โดยมี นายโจโจ้ เดลา ครูซ (ที่ 2 จากขวา) ผู้อำนวยการบริหารธุรกิจผลิตภัณฑ์กาแฟและครีมเทียม บริษัท เนสท์เล่ (ไทย) จำกัด นางสาวนาริฐา วิบูลยเสข (ที่ 2 จากซ้าย) ผู้จัดการธุรกิจกาแฟปรุงสำเร็จ บริษัท เนสท์เล่ (ไทย) จำกัด พร้อมด้วย นายจิรายุ ตั้งศรีสุข (ซ้ายสุด) แบรนด์แอมบาสเดอร์เนสกาแฟ เบลนด์ แอนด์ บรู และ นายธนภพ ลีรัตนขจร (ขวาสุด) แบรนด์แอมบาสเดอร์เนสกาแฟ อเมริกาโน่ ร่วมงานซึ่งจัดขึ้นที่สยาม สแควร์ วัน

นายวิคเตอร์ เซียห์ ประธานกรรมการและประธานคณะผู้บริหาร เนสท์เล่ อินโดไชน่า กล่าวถึงที่มาที่ไปของการจัดงาน “เนสกาแฟ เดย์” ปีที่ 2

นางสาวนาริฐา วิบูลยเสข ผู้จัดการธุรกิจกาแฟปรุงสำเร็จ บริษัท เนสท์เล่ (ไทย) จำกัด กล่าวถึงกิจกรรมในแคมเปญ “เนสกาแฟ เดย์”

ต่อและเจมส์จิ เล่าถึงความผูกพันที่มีกาแฟเป็นสื่อกลาง และเชิญชวนมาส่งต่อความห่วงใยให้กับเหล่าฮีโร่

บรรยากาศการเขียนข้อความให้กำลังใจบนแก้วเนสกาแฟ เพื่อส่งต่อความห่วงใยไปให้ฮีโร่ตำรวจตระเวนชายแดน

ข้อความจากใจสู่ใจของเจมส์จิและต่อ เพื่อส่งความสุขให้กับตำรวจตระเวนชายแดน


วิคเตอร์ เซียห์

จากซ้ายไปขวา ธนภพ ลีรัตนขจร นาริฐา วิบูลยเสข จิรายุ ตั้งศรีสุข


จิรายุ ตั้งศรีสุข ธนภพ ลีรัตนขจร กับแก้วเนสกาแฟยักษ์ที่ทำขึ้นจากแก้วเนสกาแฟหลายพันใบที่มีข้อความให้กำลังใจจากคอกาแฟทั่วกรุงเทพฯ

แก้วเนสกาแฟยักษ์ และบรรยากาศการเขียนแก้วส่งความห่วงใยให้กับตำรวจตระเวนชายแดน

กิจกรรม “มิดไนท์ คอฟฟี่”

แคมเปญ “เนสกาแฟ เดย์” ร่วมฉลองวันกาแฟสากล ประเดิมเดินสายจัดกิจกรรม “มิดไนท์ คอฟฟี่” เป็นครั้งแรก ตั้งแต่เที่ยงคืนของวันที่ 30 กันยายนจนถึงช่วงเช้าของวันที่ 1 ตุลาคม โดยยกขบวนส่งความสุขผ่านการมอบกาแฟจากใจสู่ใจ 100,000 แก้ว ให้กับเหล่าฮีโร่ที่เป็นบุคคลตัวอย่างที่ทำงานหนักทั้งกลางวันและกลางคืนในกรุงเทพฯ อาทิ คนกวาดถนนและคนเก็บขยะ เจ้าหน้าที่ดับเพลิง เจ้าหน้าที่อาสาสมัครกู้ภัย และตำรวจที่ด่านตรวจแอลกอฮอล์


นายโจโจ้ เดลา ครูซ (แถวยืนที่ 2 จากซ้าย) ผู้อำนวยการบริหารธุรกิจผลิตภัณฑ์กาแฟและครีมเทียม บริษัท เนสท์เล่ (ไทย) จำกัด และ นายศุภวัฒน์ คามีเยาน์ (แถวยืนที่ 4 จากขวา) ผู้จัดการฝ่ายพัฒนากลุ่มธุรกิจกาแฟ บริษัท เนสท์เล่ (ไทย) จำกัด นำทีมจัดกิจกรรมมิดไนท์ คอฟฟี่ ให้กับฮีโร่เจ้าหน้าที่อาสาสมัครกู้ภัยคู้บอน 35

บรรยากาศกิจกรรม มิดไนท์ คอฟฟี่ กับเหล่าฮีโร่อาสาสมัครกู้ภัยพรานนก อาสาสมัครกู้ภัยพุทธมณฑลสายสามและสายสี่

คลับที่พร้อมและจัดเต็มที่สุดย่านทองหล่อ อัดแน่นด้วยคลาสยอดฮิต พบกับการออกกำลังกายแนวใหม่ สนุกและทรงพลัง Boot Camp Zone เห็นผลในระยะสั้น!!!
ฟิตเนส เฟิรส์ท ประเทศไทย เปิดสาขาที่ 34 อย่างเป็นทางการแล้ว กับ ฟิตเนสเฟิรส์ท แพลตตินั่มที วัน ทองหล่อ เอาใจหนุ่มสาวชาวออฟฟิศย่านใจกลางทองหล่อแบบเต็มๆ! ตั้งอยู่บนโลเคชั่นที่เดินทางสะดวกสบายใกล้สถานี BTS ทองหล่อ ภายในคลับแบ่งเป็น 2 ชั้น บนพื้นที่ 2,186 ตารางเมตร ที่มีรูปลักษณ์ดีไซน์สุดเก๋ไม่เหมือนที่อื่น จัดเต็ม ไปด้วยอุปกรณ์และฟังก์ชั่นออกกำลังกายทันสมัยแบบ Full Facility
รวมถึงโซนออกกำลังกายสุดมันส์ สายแด๊นซ์ ที่ต้องการเบิร์น ต้องไม่พลาดกับ Group Exercise ไม่ว่าจะเป็น Body Jam, Zumba, Body Combat, Body Step, Body Pump ส่วนสายปั่นต้องมาลอง Cycling Studio กับการเซตบรรยากาศให้เต็มไปด้วยความสนุกสุดมันส์ เพิ่มความท้าทายด้วยการแสดงผลของทุกคนไว้บนหน้าจอขนาดยักษ์ พร้อมบอกรายละเอียดต่างๆ ของผู้ปั่นไว้ครบ และ ไฮไลท์เด็ดต้องไม่พลาดสำหรับคลับแห่งนี้ กับโซนออกกำลังกายใหม่ Boot Camp Zone ที่สร้างความแข็งแรงด้วยรูปแบบ HIIT training มาพร้อมความสนุกสนาน กับอุปกรณ์หลากหลาย เช่น Fit box, Power wave, Skill mill 
ที่จะช่วยให้การออกกำลังกายได้ผลดีในระยะสั้น รับรอง  ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์คนยุคใหม่ชื่นชอบการออกกำลังกายที่ไม่เหมือนใคร ส่วนใครชื่นชอบการออกกำลังกายเสริมสร้างความยืดหยุ่นและสมดุลของร่างกายมาที่ Mind & Body Studio กับคลาสยอดฮิตที่สาวออฟฟิศชื่นชอบ อย่าง Yoga & Pilates รวมทั้ง Aerial Flow Yoga 
ถ้าไม่อยากพลาดเทรนด์และฟังก์ชั่นการออกกำลังใหม่ๆ กับคลับที่พร้อมที่สุดใจกลางทองหล่อ ฟิตเนส เฟิรส์ท แพลตตินั่ม ที วัน ทองหล่อ ที่สำคัญสมัครเป็นสมาชิกที่คลับแห่งนี้ คุณสามารถเข้าใช้บริการคลับแพลตินั่มสาขาอื่นๆ ได้อีก 30 สาขาทั่วประเทศไทย สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมที่ 02 118 6665 หรือ สนใจลงทะเบียนทดลองเล่นฟรี https://www.fitnessfirst.co.th/th/special-free-trial 

เติมความหวานเพิ่มรอยยิ้มส่งท้ายปี 2019 กับภาพยนตรรักโรแมนติกอบอุ่นแห่งปีที่คุณไม่ควรพลาด ภาพยนตร์ “The One You Love รักนี้คือเธอ” ประกันความหวาน โดย บริษัทเวลส์ ซิมโฟนี่
ภาพยนตร์เรื่อง “The One You Love รักนี้คือเธอ” เป็นภาพยนตร์รักโรแมนติดอบอุ่นแห่งปี ที่จะทำให้คุณประทับใจ ซึ้ง อิน ฟินตั้งแต่ต้นจนจบ โดยทีมงานสร้างทุ่มเทเดินทางถ่ายทำถึง 2 ประเทศ เพื่อให้ได้หลากหลายโลเคชั่นสุดโรแมนติก วิวสุดพิเศษ ทั้ง อังกฤษและฮ่องกง ซึ่งรับประกันได้ว่าผู้ชมจะประทับใจกับวิวสวยๆ ที่ไม่เคยได้เห็นจากภาพยตร์เรื่องไหนๆ อย่างแน่นอน
โดยภาพยนตร์เรื่อง “The One You Love รักนี้คือเธอ” เป็นเรื่องราวรักสามเศร้าระหว่างสาวไทย ดานี่ (รับบทโดยนางเอกน่าใหม่ สเตฟานี่ โกรฟส์) กับหนุ่มลูกครึ่งฮ่องกงไทย อเล็กซ์ (รับบทโดยนักแสดงหนุ่มหล่อจากฮ่องกง โหล่ว เฉิน หยินและหนุ่มลูกครึ่งไทยอังกฤษ แดนนี่ (รับบทโดยหนุ่มหล่อที่กำลังมาแรงในโลกออนไลน์อย่าง ปีเตอร์ เดนแมน Peter Denman) ซึ่งเรื่องราวเริ่มต้นจากความสัมพันธ์ระหว่าง ดานี่และอเล็กซ์ ที่เรียนหนังสือและคบหากันมาตั้งแต่เรียนเกรด 10 จนกระทั่งดานี่ตัดสินใจเดินตามความฝันของเธอด้วยการไปเรียนต่อมหาวิทยาลัยที่ประเทศอังกฤษทำให้อเล็กซ์เกิดความไม่แน่ใจในความรักที่ต้องอยู่ห่างกันหลายปีจึงตัดสินใจบอกเลิก ส่วนดานี่พยายามเริ่มต้นใหม่กับชีวิตในมหาวิทยาลัยที่ประเทศอังกฤษกระทั่งเธอได้เจอกับแดนนี่ชายหนุ่มที่ทำให้มุมมองชีวิตของเธอเปลี่ยนไปจากเดิม แต่เรื่องราวจะเป็นเช่นไร
ติดตามเรื่องราวความรักที่รอการพิสูจน์ พร้อมร่วมสัมผัสความหวานได้ในภาพยนตร์รักโรแมนติก-อบอุ่นส่งท้ายปี “The One You Love รักนี้คือเธอ” พร้อมกัน 21 พฤศจิกายนนี้ในโรงภาพยนตร์

ลีกุมกี่ (Lee Kum Kee) ผู้คิดค้นซอสปรุงรสหอยนางรมต้นตำรับ ที่มีชื่อเสียงยาวนานมากว่า 131 ปี เดินหน้าต่อเนื่องกับการส่งเสริมวัฒนธรรมการทำอาหารจีนไปทั่วโลก ล่าสุด ลีกุมกี่ ประเทศไทย จัดโรดโชว์คัดไปที่ Tops BigC และ Makro เพื่อคัดสรรเมนูพิเศษพร้อมวิธีการปรุงเมนูอาหารแบบง่าย ๆ โดยเชฟโมส ซึ่งเข้ากับช่วงเทศกาลกินเจเป็นอย่างดี โดยเมนูที่มาสาธิตพร้อมกับเสิร์ฟให้ผู้ชมได้ลิ้มลองความอร่อยเป็นเมนูเจเพื่อสุขภาพที่ปรุงด้วยลีกุมกี่ซอสปรุงรสรสเห็ดกลิ่นหอยนางรมสูตรเจ ฉลากสีเหลืองทอง เหมาะกับผู้ที่อยู่ในช่วงทานเจหรือมังสวิรัติ พร้อมกับเปิดตัวผลิตใหม่เกรดพรีเมี่ยม 4 สูตรตราลีกุมกี่ที่ท็อปส์ เช่น ซีอิ๊วขาวสูตร1 น้ำหมักแรก ซีอิ๊วขาวสูตรลดเค็ม ซีอิ๊วขาวสูตรออแกนิคและสูตรไม่มีกลูเตน เพื่อตอบโจทย์คนรักสุขภาพด้วยถั่วเหลืองเต็มเมล็ด (non GMO)
นอกจากนี้ ภายในงานยังมีการแจกตัวอย่างอาหารที่ปรุงรสด้วย ซอสหอยนางรมตราลีกุมกี่แพนด้า ที่มีวางจำหน่ายในหลายซุปเปอร์มาร์เก็ต พร้อมทั้งยังได้ให้ความรู้แก่ผู้บริโภคเกี่ยวกับการหมักซีอิ๊วแบบธรรมชาติและกลิ่นถั่วเหลืองที่แท้จริง
เกี่ยวกับลีกุมกี่
ลีกุมกี่ก่อตั้งขึ้นในปี 1888 โดย Mr. Lee Kum Sheung และด้วยความมุ่งมั่นในการพัฒนาผลิตภัณฑ์ซอสและเครื่องปรุงรสของจีนอย่างยั่งยืนตลอด 131 ปี ทำให้ลีกุมกี่กลายเป็นที่รู้จักดีในทุกครัวเรือน รวมทั้งเป็นแบรนด์ระดับโลกที่สื่อถึงคุณภาพและความไว้วางใจกว่า 3 ศตวรรษในการเป็นบริษัทข้ามชาติที่สร้างชื่อเสียงระดับโลกของจีน ลีกุมกี่มีผลิตภัณฑ์มากกว่า 200 ชนิดวางจำหน่ายใน 5 ทวีป ครอบคลุมกว่า 100 ประเทศ หรือติดตามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ www.LKK.com
Lee Kum Kee road show 
Lee Kum Kee, the inventor of Oyster Sauce with a glorious history of 131 years, has spared no effort in promoting Chinese culinary culture worldwide. Lee Kum Kee in Thailand organizes a cooking roadshow to present special menus with easy cooking methods by Chef Most. In conjunction with Jay Festival, delicious healthy vegetarian menus cooked with Lee Kum Kee Golden Vegetarian Oyster Flavoured Sauce with Mushroom which is suitable for those following vegan or vegetarian lifestyle will be presented in the roadshow. Together with the roadshow, Lee Kum Kee will launch new products in TOPS, 4 new formulas of premium soy sauce, ie First Draw Soy Sauce, Less Salty Soy Sauce, Organic Soy Sauce and Gluten Free Sauce for health lovers under Lee Kum Kee brand, which are naturally fermented with high quality, non-GMO soy beans.

In addition, there is a series of food sampling with Lee Kum Kee Panda Brand Oyster Sauce held in selected supermarkets. Soy Sauce aroma challenge is carried out to educate consumers on naturally fermented soy sauce and real soy aroma.
About Lee Kum Kee
Lee Kum Kee was established in 1888 by its founder Mr. Lee Kum Sheung. With its sustainable development in 131 years, Lee Kum Kee has become a well-known household name of Chinese sauces and condiments, as well as an international brand and “a symbol of quality and trust”. Spanning over three centuries, Lee Kum Kee is a globally renowned Chinese multinational corporation offering over 200 choices of sauces and condiments to over 100 countries and regions. Please visit www.LKK.com for further details.